วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ลงทุนหุ้นกลุ่มธนาคาร

     ธนาคารพาณิชย์ ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มีประมาณ 10 กว่าบริษัท โดยมีทั้งธนาคารขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ซึ่ง บิ๊กโฟร์ ที่เราคุ้นเคยกันดีก็อย่างเช่น ธ.กรุงเทพ ธ.กรุงไทย ธ.ไทยพาณิชย์ ธ.กสิกรไทย แต่ละบริษัทก็มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งแตกต่างกันไป
     ผมก็เป็นคนนึงที่เลือกลงทุนในหุ้นกลุ่มนี้ โดยความเห็นส่วนตัวผมมองว่าหุ้นกลุ่มธนาคารเป็นหุ้นที่มีความแข็งแกร่ง เนื้อหอม ใครๆก็อยากเข้าไปขอกู้เงิน ยกตัวอย่างง่ายๆกับคนใกล้ตัวผม ใครๆก็อยากมีบ้าน จะซื้อเงินสดคงไม่ไหว อยากมีธุรกิจ อยากมีโน่นนี่นั่น ก็ต้องเดินเข้าไปธนาคารเพื่อขอกู้เงิน ฉะนั้น
   1. ผู้กู้ (เราๆท่านๆ) ก็จะมีสถานะเป็น "ลูกหนี้"
   2. ผู้ให้กู้ (ธนาคาร) ก็จะมีสถานะเป็น "เจ้าหนี้"
   3. ผู้ถือหุ้น (ผม) ก็จะมีสถานะเป็น "เจ้าของ" ผมก็ไม่ต้องลงแรงอะไร แค่รอรับเงินปันผลจากกำไรของกิจการ หรือโชคดีหน่อยก็ได้รับกำไรจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น [แม่ง!!เท่โคตร ถือแค่ 100 หุ้น ทำเป็นคุย 555+]
    ทีนี้มาดูกันว่า ถ้าจะลงทุนในหุ้นกลุ่มธนาคาร เราจะเข้าลงทุนในช่วงไหนกัน...
ที่มา : สถาบันพัฒนาความรู้ตลาดทุน (TSI)   
     จากภาพ เศรษฐกิจไทยในปัจจุบันอยู่ในช่วงที่กำลังฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ แต่ถ้ามองในภาพกว้าง ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐเริ่มปรับเพิ่มขึ้นในปีนี้ ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจดูดีขึ้น เกิดการลงทุนเพิ่มมากขึ้น พี่ไทยเองก็เริ่มมีการลงทุนภาครัฐในโครงการใหญ่ๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เป็นช่วงจังหวะในการสะสมหุ้น เมื่อต้องลงทุน บริษัทต่างๆก็ต้องมากู้เงินธนาคาร เมื่อธนาคารปล่อยกู้ได้เยอะ ก็จะได้กำไรจากดอกเบี้ยเงินกู้เยอะ (ยังไม่พูดถึงหนี้เสียนะ) พอภาครัฐเริ่มลงทุน ภาคเอกชนก็มั่นใจ เริ่มเข้ามาลงทุน มีการใช้จ่ายในการบริโภคเพิ่มขึ้น เศรษฐกิจก็ขยายตัวไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วงรุ่งเรือง พอรุ่งเรืองสุดขีด ก็เข้าสู่ช่วงถดถอย และเข้าสู่ช่วงตกต่ำในที่สุด
     ฉะนั้น เราก็น่าจะพอมองภาพออกแล้วว่า หุ้นกลุ่มธนาคารเป็นหุ้นที่แปรผันตามวัฏจักรเศรษฐกิจ การจะเข้าไปซื้อขายหุ้นก็อาจจะต้องเข้าออกให้ถูกจังหวะด้วยนะครับ...
รายชื่อหุ้นกลุ่มธนาคารที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
     ติดตามอ่านบทความอื่นๆ >> คลิ๊กที่นี่!!

วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เล่นหุ้น & ลงทุนหุ้น

     ผมขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน 12 มิ.ย.60 ครับ ด้วยความอยากรู้อยากลองตามประสานักลงทุนมือใหม่ ผมเข้าไปลองแหย่ขาซื้อหุ้นตัวนึงอย่างกล้าๆกลัวๆ ที่ราคาตกลงมารุนแรงหลายวัน จนเมื่อวานตอนตลาดเปิด ราคาเริ่มเด้งขึ้น เลยแย๊บขวาเข้าไปเล็กน้อย ผ่านไปไม่กี่นาที ราคาก็ขยับขึ้นเรื่อยๆ มือใหม่อย่างผมเกิดอาการตกใจทำอะไรไม่ถูก เลยปล่อยให้ราคามันวิ่งไปเรื่อยๆ จนก่อนตลาดปิด ผมตัดสินใจตั้งขาย แต่ราคามันก็ยังไม่ขึ้นมาถึงจุดที่ผมตั้งขายซะที..
     เช้า 13 มิ.ย. 60 ตลาดเปิด ผมตั้งใจมาจากเมื่อวานแล้วว่าราคาเปิดมาเท่าไหร่ผมก็จะขาย ไม่อยากเก็บไว้นานให้ทรมานจิตใจ ปรากฏว่าราคาเปิดโดดมาตามที่ผมตั้งใจจะขายเมื่อวานพอดี ผมตัดสินใจขายหุ้นตัวนี้ออกทันที
ทุน 1.27 บาท ผมขายไปที่ 1.41 บาท
     สรุป ผมทำกำไรไป 11.37% จากหุ้นตัวนี้ในเวลาไม่ถึง 2 วัน แต่ครั้งนี้ผมอาจจะโชคดี ผมคงทำไม่ได้อย่างนี้บ่อยๆ จากตัวอย่าง เป็นการเล่นหุ้น (ที่ไม่มีแบบแผนห่าเหวอะไรเลย) แต่ที่ผมทำ แค่อยากลองบริหารจิตใจดูว่ามันจะตื่นเต้นขนาดไหนกันเชียว แต่พอได้ลองแล้ว วิธีนี้มันคงไม่เหมาะกับคนใจปลาซิวอย่างผมแน่ๆ 555+
     แนวทางหลักของผมก็คงจะเป็นการ ลงทุนในหุ้น ที่มีการวิเคราะห์ธุรกิจมาเป็นอย่างดี มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน และซื้อในราคาที่สมเหตุสมผลจากการประเมินมูลค่าหุ้น ตามที่เคยเขียนไว้ในบทความก่อนหน้านี้...>>ติดตามอ่านบทความอื่นๆ คลิ๊กที่นี่!! 
 

วันอาทิตย์ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เดินห้าง..ช้อปหุ้น..

     เชื่อว่าวัยรุ่น วัยจ๊าบอย่างเราๆ เดือนๆนึง ต้องไปเดินห้างอย่างน้อยเดือนละครั้ง บางคนอาจจะไปซื้อของใช้จำเป็นเข้าบ้าน ซื้อเสื้อผ้า ซื้อโทรศัพท์ ไปทำธุรกรรมทางการเงิน ไปเดินตากแอร์เล่นๆ ซื้ออีกหลายๆอย่างสารพัด และก็มีไม่น้อยที่บางคนพาครอบครัว พาคนรัก พาเพื่อนฝูง ไปหาอะไรกินอร่อยๆที่มีให้เลือกเต็มไปหมด ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

     ธุรกิจร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าเป็นเทรนปัจจุบันที่มีการแข่งขันกันสูงมากๆ ซึ่งหลายๆแบรนด์ก็ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และก็เร่งขยายสาขากันเป็นจำนวนมาก ทุกครั้งที่ผมมีโอกาสไปเดินเล่นตามห้างต่างๆ ผมก็จะสังเกตุผู้คนที่เข้าไปกินอาหารในร้าน และก็พบว่า มีร้านที่เป็นแบรนด์ยอดฮิตที่ผมสนใจอยู่หลายร้านทีเดียว ที่คนจะเต็มตลอด บางร้านถึงขั้นต่อคิวกันซื้อก็มี ในฐานะที่เป็นนักลงทุน(มือใหม่) กับสไตล์การลงทุนแบบง่ายๆโง่ๆก็เกิดความคิดอยากจะลงทุนในธุรกิจอาหารเข้าให้แล้ว..

     จริงๆในลิสต์ที่ผมทำการวิเคราะห์งบการเงินของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับอาหารมีประมาณ 3 บริษัทที่จ้องจะเข้าไปซื้อ แต่พอประเมินมูลค่าหุ้นแล้วมันยังแพงมากจนซื้อไม่ลง สุดท้าย วันที่ได้สอยหุ้นกลุ่มนี้ก็มาถึง จริงๆแล้วบริษัทที่ว่านี้ทำธุรกิจหลักๆอยู่ 3อย่างด้วยกัน คือ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร และอื่นๆ ผมเข้าไปศึกษาธุรกิจ อ่านงบการเงิน อ่านทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับบริษัท ทำการประเมินมูลค่าหุ้นจนมั่นใจว่าจะลองแหย่ขาเข้าไปเป็นส่วงนึงของผู้ถือหุ้น

     วันประกาศงบการเงินไตรมาส 1/60 (น่าจะประมาณวันที่ 15 พ.ค. 60 ) ปรากฏว่ากำไรเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้วไม่เป็นไปตามที่นักลงทุนคาดหวัง เกิดแรงเทขายหุ้นออกมาอย่างรุนแรง ราคาหุ้นลดลงไปจนถึงจุดที่ผมยอมรับได้ ผมไม่ลังเลที่จะสอยหุ้นตัวนี้เข้ามาในพอร์ตด้วยจำนวนเงินมหาศาล (100 หุ้น ฮ่าๆๆ) เพราะผมมองว่าธุรกิจนี้ยังสามารถเติบโตต่อไปในระยะยาว คนก็ต้องกินอาหารกันทุกวัน คนก็ต้องการที่อยู่อาศัยกันทุกคืน ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับปัจจัย4 ยังไงแม่งก็ไม่มีทางเจ๊งแน่ๆวะ ในที่สุดผมก็ได้เป็นหุ้นส่วนของบริษัทนี้เรียบร้อย
     อย่างที่เคยพูดไปในบทความที่แล้วว่า จำนวนเงินลงทุนผมยังน้อยนัก ถึงราคาหุ้นจะไม่เป็นไปตามที่ผมประเมินก็ไม่เป็นอะไรมาก ถือเป็นการเริ่มต้นเรียนรู้(ตามแนวทางที่ผมเลือก) คือ "ซื้อหุ้นให้เหมือนซื้อกิจการ" แล้วถือยาวๆตราบใดที่พื้นฐานธุรกิจยังไม่เปลี่ยน ต่อไปเวลาเดินห้างผมก็โม้กับใครต่อใครได้แล้วว่า "กูเป็นเจ้าของแบรนด์นี้เว้ยยย!!! 555+"

     >> ติดตามบทความอื่นๆ คลิ๊กที่นี่!! <<