วันนี้เป็นวันที่2 ที่ผมพาภรรยามาโรงพยาบาลจากอาการแพ้ท้องอย่างรุนแรง หลังจากกลางดึกวันเสาร์ที่ต้องนอนรอดูอาการไปรอบนึง สามีอย่างผมก็ต้องทำใจ และก็ต้องเข้าใจหัวอกคนท้องอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เอาน่า!!สู้ๆจ้าแม่ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป...
ระหว่างที่นั่งรอคุณแม่พบหมอ พร้อมกับอากาศที่ร้อนอบอ้าว กับญาติและคนไข้หนาตาหลายพันชีวิต (ตามสไตล์โรงพยาบาลรัฐ) นั่งมองนั่นนี่นู่น เลยนึกขึ้นได้ว่านี่เรายังไม่ได้เขียนแชร์ประสบการณ์ซื้อหุ้นตัวแรกนี่หว่า!! ว่าแล้วก็จับโทรศัพท์ขึ้นมาโซโล่ทันที...
อย่างที่ผมเคยเล่าไปในบทความก่อนๆว่า ผมเริ่มลงทุนในกองทุนรวมมาได้ซักประมาณ2ปีกว่าๆแล้ว แต่ในระหว่างที่ค่อยๆสะสมเงินลงทุน ผมก็ได้ศึกษาหุ้นรายตัวคู่ขนานกันมาเรื่อยๆ ผมทำการคัดกรองหุ้นแบบง่ายๆโง่ๆ ตามแบบฉบับของพี่เอ (a-academy) โดยการศึกษาทาง youtube ฟังจนเรียกได้ว่าอินและเข้าเส้นไปแล้วเรียบร้อย คัดจนได้หุ้นใน list มาประมาณ 30 บริษัท ซึ่งมี 10 บริษัทที่เรียกได้ว่าติดตามเป็นพิเศษ ทำการศึกษาแนวโน้มเศรษฐกิจ ศึกษาธุรกิจอย่างละเอียด อ่านงบการเงิน อ่านรายงานประจำปี อ่าน56-1 อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง เฝ้าดูผลประกอบการรายไตรมาส ทำการประเมินมูลค่าหุ้น และสุดท้ายเฝ้าดูพฤติกรรมราคา....
แม่ง!!เขียนอะไรยาวจังวะ มึงบอกมาเลยดีกว่า มึงซื้อตัวไหน?? 555+
นี่เป็นการประเมินมูลค่าหุ้นตัวแรกของผม วิธีการประเมินมูลค่าหุ้นหาดูได้ที่ www.a-academy.com (ไว้ตอนหน้าผมจะมาเล่ารายละเอียดให้ฟังครับ) เป็นหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งหุ้นบริษัทนี้ นักลงทุนประเมินมูลค่าไว้สูงมาก เนื่องจากคาดหวังการเติบโตในระยะยาวของบริษัทที่คาดว่าในอนาคตประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้คนเจ็บป่วยมากขึ้น เข้าโรงพยาบาลกันมากขึ้น สังคมชนชั้นกลางเพิ่มขึ้น มีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้ต้องการความสะดวกสบายในโรงพยาบาลเอกชน ฯลฯ
สอดคล้องกับการคาดการณ์ของคนส่วนใหญ่ รายได้และกำไรของบริษัทเติบโตต่อเนื่องมา 3-4 ปีติดต่อกัน ราคาหุ้นก็สะท้อนมูลค่าโดยการปรับตัวขึ้นมาตลอด ผมเฝ้ามองหุ้นบริษัทนี้ด้วยความอิจฉาคนที่ถือหุ้นอยู่ ป่านนี้คงกำไรมหาศาลกันทุกคนแล้ว
จนถึงเมื่อปลายปี ก.ย.59 บริษัทมีข่าวเทคโอเวอร์กิจการโรงแรมแห่งหนึ่งมูลค่าหลักหมื่นล้านบาท เพื่อก่อสร้างศูนย์สุขภาพครบวงจร นักลงทุนเริ่มเทขายหุ้น เพราะคาดการณ์ว่าผลประกอบการณ์จะลดลงจากเงินลงทุนก้อนโต ราคาหุ้นก็ลดลงมาเรื่อยๆตั้งแต่นั้นมา
15 พ.ค. 60 บริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 1/60 มีผลกำไรลดลงประมาณ 24% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว
16 พ.ค. 60 คนรอบข้างส่วนใหญ่ใจจดใจจ่อกับการลุ้นหวย แต่ผมเข้าซื้อหุ้นตัวนี้หลังจากที่ราคาลดลงจากเมื่อวานประมาณ 7% และราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปีครึ่ง
ผมอาจจะประเมินมูลค่าผิดพลาดไปบ้าง ราคาอาจจะไม่สมเหตุสมผลตามอารมณ์ของตลาด แต่ด้วยความที่เป็นหุ้นตัวแรก เงินลงทุนผมยังน้อยนัก ถึงแม้ราคาหุ้นจะตกจนผมขาดทุนเกิน 50% ในระยะสั้นก็ตาม ผมก็ยังเชื่อลึกๆว่า ในเมื่อผมเลือกบริษัทที่พื้นฐานดี ราคาสมเหตุสมผล มีส่วนเผื่อความปลอดภัย ต่อให้ราคาจะลงไปถึงจุดไหน สุดท้ายในระยะยาว ราคาหุ้นก็จะปรับสมดุลไปหาผลประกอบการ บริษัทอยู่ได้ เราก็ไม่มีทางเจ๊งจนถึงขาดทุนเงินทั้งหมด(เหมือนซื้อหวย)อย่างแน่นอน...
ติดตามบทความอื่นๆ คลิกที่นี่!!