วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2559

แตกต่าง อย่าง สร้างสรรค์


      ผมขอนำบทความบทหนึ่ง ของ หนังสือ The Millionaire FastLane โดย MJ DeMarco ผู้แปลก็คือ โค้ชหนุ่ม จักรพงษ์ เมษพันธ์ุ อาจารย์ทางการเงินของผมนั่นเอง
 
      หลังจากอ่านหนังสือเล่มดังกล่าวเป็นรอบที่ 2 ผมก็มาสะดุดกับหัวข้อเรื่องที่ชื่อ "จงหันหลังให้กับมลพิษลมต้าน" เนื้อหาจะประมาณว่า...
     "คุณต้องหันหลังให้กับผู้คนที่พ่นมลพิษลมต้านใส่คุณ ถ้าคุณไม่ระวังให้ดี ชีวิตจะถอยหลังลงคลองเข้าสู่วงจรซ้ำๆที่เป็นเรื่องปกติของสังคม คือ ตื่นเช้า ไปทำงาน กลับบ้าน กินข้าวเย็นร้านหรู ดูละครหลังข่าว เข้านอน แล้วก็วนซ้ำแบบนี้อีกวันแล้ววันเล่า กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านเลยไป 30 ปี 40 ปีแล้ว ร่างกายก็เริ่มร่วงโรย ได้แต่เฝ้าคำนึงถึงอดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้"
                  โดน!! เต็มๆ โดนโคตรๆ โดนเอี้ยๆ
     ผมเริ่มทำอะไรบางอย่างที่ "แตกต่าง" จากคนส่วนใหญ่มาซักประมาณ 2 ปี ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะประสบความสำเร็จขนาดไหน แต่ที่แน่ๆ ผมได้หันหลังให้กับมลพิษลมต้านมาได้ประมาณนึงแล้ว ผมเชื่อเสมอว่า สิ่งที่เลือกในวันนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตทางการเงินของผม ผมแน่ใจและมั่นใจว่าเลือกถูก ถึงแม้ว่าผมจะเลือกผิด ผมก็ต้องมีชีวิตอยู่กับผลลัพธ์จากการเลือกนี้แน่นอน..



     ลมต้านส่วนใหญ่ที่ชอบเข้ามาพัดผมจนเซ มักจะมีข้ออ้างหลักๆอยู่ 2 ข้อ คือ ไม่มีเวลา และ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง...
     คนเราขี้เกียจ คนเราชอบให้มีคนเอามาส่งถึงที่ คนเราไม่อยากอ่าน ไม่อยากเชื่อมโยงจุดต่างๆ พวกเขาต้องการให้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยมาให้เลย สุดท้าย ก็ไม่พ้นการพนัน เสี่ยงโชค หรือไปลงทุนในอะไรที่ไม่เข้าท่า

       >> ติดตามบทความอื่นๆ คลิ๊กที่นี่!! <<

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เรียนรู้ เพื่อ จัดการกับอารมณ์ของตลาดหุ้น


     วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วมากๆ นี่ก็ใกล้จะสิ้นปีเข้ามาทุกทีๆ ช่วงนี้เริ่มมีพี่ๆน้องๆ ที่ทั้งรู้จักและไม่รู้จักมากหน้าหลายตาเริ่มโชว์พอร์ตเขียวๆจากตลาดหุ้น กำไรเท่านั้นเท่านี้ออกมาเรื่อยๆ ตลาดทั้งในประเทศ และหลายๆประเทศดูสดใส จนอดใจกันไม่ค่อยจะได้นักที่จะบินเข้ากองไฟ..

ถามว่า : แล้วผมได้เข้าไปซื้อขายหุ้นในช่วงนี้มั้ย??
ตอบแบบหล่อๆเลยว่า : ผมยังไม่มีพอร์ตหุ้นเลยด้วยซ้ำ  (เอ้า!! แล้วมึงจะพูดทำแมวน้ำทำไมวะ 555)

ที่มา http://news.mthai.com/

ต้องกลับไปที่บทความเก่าๆ ของผมที่เคยเขียนไว้ ชื่อเรื่องว่า จุดเริ่มต้นการลงทุน ประเด็นหลักๆ คือ

     "ผมตั้งเป้าหมายการลงทุนแบบง่ายๆโง่ๆไว้ว่า ทุกๆเดือนจะใส่เงินลงทุน (ในกองทุนรวม) เข้าไป อย่างน้อย 20% ของเงินเดือน สะสมไปเรื่อยๆ โดยยังไม่คาดหวังผลตอบแทนอะไรมาก ระหว่างนี้ก็ศึกษาการลงทุนรูปแบบอื่นๆควบคู่กันไปด้วย ทั้งเรื่องของการทำธุรกิจ ลงทุนหุ้นรายตัว ลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ขายของออนไลน์ เขียนบทความออนไลน์ ฯลฯ.."

     ทุกๆเดือน ผมก็ทำตามเป้าหมายที่ผมเคยเขียนไว้ตั้งแต่ ม.ค.58 แถมยังได้มากกว่าแผนด้วยซ้ำ เพราะ ผมใส่เงินลงทุนในกองทุนประเภทต่างๆ ไปประมาณ 30-35% ของเงินเดือนทุกๆเดือน และยังศึกษา อ่านหนังสือ ฟังสัมมนา เรื่องการลงทุนรูปแบบต่างๆอย่างสม่ำเสมอ สองสิ่งนั้นก็คือ "การทำธุรกิจ"และ "หุ้นรายตัว" ที่ผมเน้นเป็นพิเศษว่านี่แหละ จะเป็นสินทรัพย์การลงทุนเปลี่ยนชีวิตของผมได้

     คำถามต่อมา แล้วทำไมยังไม่ลงทุนในธุรกิจ และหุ้นรายตัวอีกล่ะ?? (ถามเองตอบเอง)
ตอบแบบหล่อๆอีกนั่นแหละ : 
     1.ธุรกิจ ในความหมายของผม คือ ารเป็นเจ้าของกิจการ >> เจ้าของกิจการต้องสามารถควบคุมกิจการ ซึ่งไม่ว่าเราจะอยู่หรือไม่อยู่ดูแลกิจการ เงินก็จะไหลเข้ากระเป๋าเราตลอดเวลา แตกต่างจากการทำธุรกิจส่วนตัว ที่เราต้องเอาเวลาไปแลกกับเงิน (ซึ่งผมก็กำลังทำควบคู่ไปกับงานประจำ) ที่เราไม่มีอำนาจควบคุม ต้องใช้ทั้งพลังแรงกายและแรงใจ เพราะถ้าหยุด ท้อแท้ ขี้เกียจเมื่อไหร่ ก็ไม่สามารถทำเงินได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนทำธุรกิจส่วนตัวจะร่ำรวยไม่ได้นะครับ เขียนดักไว้ก่อน เดี๋ยวผมหลบตรีนไม่ทัน 555
    
     2.หุ้น ผมเลือกแนวทางการลงทุนที่ชัดเจนไว้แล้วว่า ผมจะเป็นนักลงทุนระยะยาว จะเรียกว่า สไตล์นักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor) ก็ยังมิอาจเอื้อม เพราะผมยังห่างไกลจากพี่ๆและอาจารย์สาย VI ทั้งหลายนัก ผมจะพยายามสะสมเงินลงทุนไปเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งรีบอยากรวยเร็ว แล้วเอาเงินเล็กๆน้อยๆไปเก็งกำไร ซื้อๆขายๆ เพราะ ผมคิดว่า ผมยังไม่มีความสามารถมากถึงขนาดที่จะเปลี่ยนเงินหลักหมื่นหลักแสน เป็นเงินหลักสิบล้านร้อยล้านในระยะเวลาสั้นๆ


     >> ติดตามบทความอื่นๆ คลิ๊กที่นี่!! <<